การออกแบบฝ้าเพดาน (Ceiling Design) เป็นส่วนหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมมาเกือบพันปี ซึ่งการเกิดขึ้นของงานออกแบบตกแต่งฝ้าเพดานยุคแรกๆต้องย้อนเวลาไปถึงต้นปี 1300 กันเลยทีเดียว
จริงแล้วจุดแรกเริ่มในอดีตอาจไม่สามารถเรียกว่าฝ้าเพดานได้อย่างเต็มปากนัก แต่มันคือการตกแต่งเพดานให้มีความสวยงามตามความเชื่อ และการใช้งานของคนในอดีตเท่านั้น แต่มันก็มีวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ โดยเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ยุคสมัยต่างๆมาอย่างยาวนานกินเวลาหลายร้อยปี จากจุดเริ่มต้นแค่การตกแต่งเพดานธรรมดาก็ได้เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆจนถูกพัฒนาให้กลายเป็นระบบฝ้าเพดานในปัจจุบัน
จริงๆแล้วมนุษย์รู้จักการออกแบบตกแต่งเพดานมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ แต่เพดานโรมันในยุคแรกๆนั้นเต็มไปด้วยการแกะสลัก และภาพวาดประดับตกแต่งเป็นหลัก และในช่วงยุคกอธิคแนวโน้มการตกแต่งฝ้าเพดานได้หันมาใช้องค์ประกอบที่สัมพันธ์กับโครงสร้างเพิ่มขึ้น จะเห็นได้ชัดว่าในยุคนี้เพดานจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมากเพื่อรองรับการตกแต่งที่งดงามจากงานปั้น และงานจิตรกรรมที่มีสีสันสดใส
เมื่อมาถึงยุคเรเนซองส์ ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังฟื้นฟูศิลปวิทยาการ งานออกแบบเพดานได้รับการพัฒนาให้มีระดับความละเอียด และมีความหลากหลายมากขึ้น โดยแบ่งออกได้ 3 ประเภท
ประเภทที่ 1
ก็คือฝ้าเพดานรูปทรงเรขาคณิต มีทั้งรูปทรงกลมสี่เหลี่ยม รูปทรงแปดเหลี่ยม และฝ้าเพดานในลักษณะตัวแอล โดยชายขอบของฝ้าจะเต็มไปด้วยงานสลักที่สวย
ประเภทที่ 2
คือ ฝ้าเพดานโค้ง และฝ้าเพดานกึ่งโค้ง โดยจะมีการทาสีตกแต่งที่ส่วนโค้งของเพดาน เพื่อเน้นให้ส่วนโค้งมีความโดดเด่น จนมาถึงยุคบาโรกก็มีการใช้วัสดุใหม่ๆเข้ามาตกแต่งฝ้าเพดานโค้งได้อย่างสวยงามแปลกใหม่อย่างเช่น ม้วนกระดาษพิมพ์(เป็นวัสดุรากฐานของการกำเนิดวอลเปเปอร์ในอดีต)
ประเภทที่ 3
คือ ฝ้าเพดานที่ถูกพัฒนาโครงสร้างรับน้ำหนักให้แข็งแรงขึ้น จึงทำให้พื้นที่ฝ้าเพดานมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่ในการตกแต่งงานศิลป์ทั้งงานปั้น งานแกะสลัก และงานจิตรกรรมสามารถทำได้อย่างถึงขีดสุด อีกทั้งยังเป็นช่วงที่มีการทดลองวัสดุตกแต่งใหม่ๆเพิ่มเข้ามา จึงทำให้งานตกแต่งเพดานในยุคนี้มีความสวยงามวิจิตรตระการตา ดังเช่น ฝ้าเพดานในพระราชวัง Doges ในเมืองเวนิซ ประเทศอิตาลี เป็นต้น
ฝ้าเพดานในพระราชวัง Doges ในเมืองเวนิซ ประเทศอิตาลี
ฝ้าเพดานมีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงยุคโมเดิร์นซึ่งเป็นช่วงหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม การออกแบบเพดานในงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ได้ถุกลดทอนรายละเอียดต่างๆลงค่อนข้างมาก ประกอบกับมีการตัดองค์ประกอบที่ฟุ่มเฟือยหลายๆอย่างออก จึงทำให้ฝ้าเพดานในยุคนี้มีความเรียบง่ายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การออกแบบเพดานในยุคโมเดิร์น ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ
- เพดานแบบแขวน (เน้นความสวยงามเรียบร้อยของสเปซ)
- เพดานแบบเปิด (เน้นความเป็นสัจจะของวัสดุ และสเปซ)
เพดานแบบแขวน (รากฐานสำคัญของการพัฒนาฝ้าเพดานที่ใช้ในปัจจุบัน) ก็คือ ฝ้าเพดานที่อยู่ในระยะที่ต่ำกว่าโครงสร้างพื้นชั้นบน สถาปนิกในยุคนั้นพยายามออกแบบเพดานขึ้นมาอีกชั้นเพื่อปกปิดท่อต่างๆของงานระบบ เพื่อทำให้สเปซภายในห้องมีความเรียบร้อยสวยงาม
ในขณะที่เพดานแบบเปิด โดยที่ไม่มีอะไรมาปกปิดท่องานระบบก็ได้รับความนิยมในงานออกแบบเช่นเดียวกัน โดยจะเน้นการโชว์ให้เห็นกลิ่นอายยุคอุตสาหกรรมที่สะท้อนผ่านท่อต่างๆของงานระบบอาคาร และความเป็นสัจจะธรรมชาติของการใช้วัสดุในสเปซนั้นๆ
ทำฝ้าเพดานในบ้านยังไง ให้ดูสวยและดูดี
"ฝ้าเพดานภายในบ้านมีหลากวัสดุให้เลือกใช้ ที่นิยมกัน ได้แก่ ไม้ ซึ่งเหมาะกับพื้นที่เน้นความสวยงามโดยเฉพาะ แผ่นยิปซัม ซึ่งสามารถฉาบรอยต่อที่เรียบเนียน และไฟเบอร์ซีเมนต์ ซึ่งมีทั้งรูปแบบไม้เทียมและแบบแผ่น โดยเจ้าของบ้านสามารถเลือกใช้เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ไอเดียทำฝ้าแต่งบ้านที่เหมาะกับการใช้งานในขณะเดียวกัน"
เส้นสายของท่อและสายไฟที่อยู่บนเพดานภายในบ้าน สามารถปกปิดให้ดูเรียบร้อยได้ด้วยการทำฝ้าที่เพดานรูปแบบต่างๆ เช่น ฝ้าฉาบเรียบ ฝ้าเว้นร่อง ฝ้าหลุม ฝ้าทีบาร์ ทั้งนี้ วัสดุของฝ้าเพดานที่มักพบเห็นตามบ้านทั่วไป จะมีทั้งฝ้าไม้ และฝ้าวัสดุสังเคราะห์ที่ไม่ลามไฟอย่าง ฝ้ายิปซัมบอร์ด ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ เป็นต้น โดยแต่ละวัสดุจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป
ฝ้าเพดานไม้
ฝ้าไม้เป็นวัสดุธรรมชาติที่ดูอบอุ่นสวยงาม อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ฝ้าไม้ควรผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อยืดอายุการใช้งาน เช่น การอาบน้ำยา การอบแห้ง (เพื่อลดการยืดหดตัวและป้องกันเชื้อรา มอด ปลวก เห็ด) รวมถึงการทาน้ำยาเคลือบรักษาเนื้อไม้และน้ำยากันปลวกเป็นประจำ สำหรับฝ้าไม้ที่ลวดลายสีสันสวยงามจะมี ไม้แดง ไม้มะค่า และที่นิยมมากที่สุดคือไม้สักซึ่งในท้องตลาดจะมีหน้ากว้าง 3 นิ้ว, 4 นิ้ว, 5 นิ้ว, 6 นิ้ว ยาว 1-3 ม. มีความหนาให้เลือกที่ 8 มม., 11 มม. และ 18 มม.
ทั้งนี้เนื่องจากในปัจจุบันการซื้อวัสดุไม้มาติดตั้งจะมีค่าใช้จ่ายสูงทั้งตัววัสดุและการดูแลรักษา การทำฝ้าไม้จึงมักใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการเน้นความสวยงามโดยเฉพาะ
แผ่นฝ้าเพดานยิปซัม
แผ่นฝ้ายิปซัมโดยทั่วไปผลิตจากผงแร่ยิปซัมอัดแน่น ประกบด้วยกระดาษแข็ง ขนาดโดยมาตรฐานมักเป็น 0.6 x 0.6 ม. และ 0.6 x 1.2 ม. ส่วนความหนาจะมี 8 มม., 9 มม., 12 มม. และ 16 มม. ฝ้ายิปซัมมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ตั้งแต่รุ่นทั่วไปซึ่งสามารถทาสีทับได้ตามปกติ และรุ่นที่มีลักษณะพิเศษต่างๆ เช่น มีสีเคลือบสำเร็จมาจากโรงงาน มีผิวสัมผัสเป็นลายนูน ลายปรุ มีกระดาษเคลือบพร้อมลวดลายต่างๆ มีอะลูมิเนียมฟอยล์ช่วยสะท้อนความร้อน มีใยแก้วผสมช่วยให้ทนไฟได้ รวมถึงฝ้ายิปซัมสำเร็จรูปแบบต่างๆ สำหรับใช้งานเฉพาะ เช่น ทำฝ้าหลุมเล่นระดับซ่อนไฟหลืบ ทำฝ้าสำหรับเข้ามุม ซ่อนรางม่าน ทำช่องเซอร์วิสซ่อนกรอบ เป็นต้น
แผ่นฝ้ายิปซัมนิยมติดตั้งทั้งแบบฝ้าทีบาร์ และแบบฝ้าฉาบเรียบซึ่งสามารถฉาบรอยต่อให้เรียบเนียนสวยงามได้ง่าย นอกจากนี้แผ่นฝ้ายิปซัมยังมีน้ำหนักเบา กรีดตัดง่าย จึงขนย้ายและติดตั้งได้สะดวก อย่างไรก็ตาม หากเป็นพื้นที่เปียกชื้น เช่น ห้องน้ำ อาจไม่เหมาะกับแผ่นฝ้ายิปซัมทั่วไป ควรปรึกษาผู้ผลิตเพื่อเลือกรุ่นที่เหมาะสม สามารถทนความชื้นได้ เช่น มีการผสมสารป้องกันการดูดความชื้น มีการเคลือบผิวด้วยไวนีล พีวีซี ช่วยป้องกันการแอ่นตัวเมื่ออยู่ในที่เปียกชื้น เป็นต้น
แผ่นฝ้าเพดานไฟเบอร์ซีเมนต์
ผลิตจากเส้นใยเซลลูโลสผสมกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ มีชนิดที่เป็นไม้ระแนงหน้ากว้าง 3-4 นิ้ว ยาว 3 ม. หนา 8 มม. สำหรับตีเว้นร่อง และชนิดแผ่นหลายขนาด ได้แก่ 0.6 X 0.6 ม., 0.6 x 1.2 ม., 0.6 x 2.4 ม.และ 1.2 x 2.4 ม. ซึ่งมีความหนา 3.5 มม.4 มม.และ 6 มม.โดยมีพื้นผิวให้เลือกหลายแบบ ทั้งผิวเรียบ ผิวลายไม้ แบบเซาะร่อง แบบเซาะร่องลายไม้ ซึ่งสามารถทาสีทับได้ นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพิเศษต่างๆ อย่างเช่น รุ่นพื้นผิวลายนูน รุ่นพิมพ์ลาย รวมถึงรุ่นที่เคลือบผิวลามิเนตเป็นสีหรือลวดลายต่างๆ ซึ่งมีผิวเรียบเนียน ทำความสะอาดได้ง่ายกว่ารุ่นทั่วไป
แผ่นฝ้าเพดานไฟเบอร์ซีเมนต์เหมาะกับการติดตั้งภายในบ้านแบบฝ้าทีบาร์ และแบบเว้นร่องซึ่งสามารถสร้างลวดลายจากการเว้นร่องระหว่างแผ่นได้ แผ่นฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์มีน้ำหนักมากกว่าแผ่นฝ้ายิปซัม และเป็นวัสดุที่ทนความชื้น จึงสามารถใช้ทำฝ้าเพดานสำหรับพื้นที่เปียกชื้นอย่างห้องน้ำได้ และเนื่องจากไม่มีส่วนผสมของไม้จึงไม่เป็นอาหารของปลวก
: ฝ้าสมาร์ทบอร์ด เป็นวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ซึ่งมีพื้นผิวหลายแบบ ทั้งแบบเซาะร่อง (ซ้ายบน) แบบลายไม้ (ซ้ายล่าง) และแบบเซาะร่องลายไม้ (ขวา) สำหรับทดแทนฝ้าเพดานไม้จริง
: ไม้ระแนงเอสซีจี เป็นวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ซึ่งเหมาะสำหรับติดตั้งฝ้าเพดานแบบเว้นร่อง ทดแทนการใช้ฝ้าไม้จริง
การตกแต่งเพดานด้วยแผ่นฝ้าสมาร์ทบอร์ดแบบต่างๆ ได้แก่ แบบเซาะร่อง (ซ้าย)
แบบเซาะร่องผสมกับแบบผิวเรียบ (ขวาบน) และแบบฝ้าทีบาร์ (ขวาล่าง)
การใช้งานแผ่นฝ้าสมาร์ทบอร์ดลายไม้ แบบผิวเรียบ แบบเว้นร่อง พร้อมส่วนที่เป็นฝ้าหลุมสำหรับซ่อนไฟหลืบ (ซ้าย)
และตัวอย่างการติดตั้งไม้ระแนงเอสซีจีแบบเว้นร่อง แทนฝ้าไม้จริง (ขวา)
จะเห็นได้ว่า การทำฝ้าเพดานภายในบ้านมีหลากวัสดุต่างคุณสมบัติให้เจ้าของบ้านพิจารณาเลือกตามความเหมาะสม นอกจากนี้ยังสามารถสร้างลูกเล่นได้หลากหลาย จึงเรียกได้ว่าไม่ใช่แค่ปกปิดความไม่เรียบร้อยบนเพดานเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบตกแต่งบ้าน ให้สวยงามเหมาะกับสไตล์ที่เจ้าของบ้านต้องการด้วยเช่นกัน