1. ประเภทของโรงงานและการยื่นคำขออนุญาต
นขั้นตอนแรกเริ่มของการทำโรงงานนั้น จำเป็นที่จะต้องมีการยื่นเรื่องเพื่อขออนุญาตเปิดให้ถูกกฎหมาย แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นตอนนั้น ต้องตรวจสอบก่อนว่าโรงงานที่คุณตั้งใจจะทำนั้นจัดอยู่ในประเภทใด
ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ได้แบ่งโรงงานออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
โรงงานประเภทที่ 1
หมายถึง โรงงานที่เครื่องจักรมีกำลังไม่เกิน 20 แรงม้าหรือเทียบเท่า และมีคนงานไม่เกิน 20 คน หากเป็นโรงงานประเภทนี้สามารถดำเนินกิจการได้ทันทีโดยไม่ต้องยื่นขออนุญาต (ยกเว้นกรณีที่ประกอบกิจการที่ก่อให้เกิดมลพิษ ให้จัดเป็นจำพวกเดียวกับโรงงานประเภทที่ 3)
โรงงานประเภทที่ 2
หมายถึง โรงงานที่เครื่องจักรมีกำลังมากกว่า 20 แรงม้า แต่ไม่เกิน 50 แรงม้าหรือเทียบเท่า และมีคนงานมากกว่า 20 คน แต่ไม่เกิน 50 คน โรงงานประเภทนี้สามารถดำเนินกิจการได้ทันทีโดยไม่ต้องยื่นขออนุญาต แต่จะต้องมีการชำระค่าธรรมเนียมรายปีในทุกๆ ปี
(ยกเว้นกรณีที่ประกอบกิจการที่ก่อให้เกิดมลพิษ ให้จัดเป็นจำพวกเดียวกับโรงงานประเภทที่ 3 เช่นเดียวกัน)
โรงงานประเภทที่ 3
หมายถึง โรงงานที่เครื่องจักรมีกำลังเกินกว่า 50 แรงม้า และมีคนงานมากกว่า 50 คน หรือเป็นกิจการที่ก่อให้เกิดมลพิษจากการผลิต โรงงานประเภทนี้จำเป็นต้องขอใบอนุญาตก่อนจึงจะดำเนินกิจการได้
2. ตรวจสอบข้อห้ามสถานที่ตั้ง
ไม่ใช่ทุกสถานที่ที่สามารถทำการปลูกสร้างโรงงานได้ในทันที หากไม่ทันศึกษาให้ดีก่อนแล้วไปสร้างในสถานที่ต้องห้าม อาจต้องเสียค่าชดเชยจำนวนมหาศาล อีกทั้งยังต้องเสียค่ารื้อถอนอีก
-โรงงานทุกประเภท ห้ามจัดตั้งภายในบริเวณหมู่บ้านจัดสรร อาคารชุด หรือบ้านเพื่อพักอาศัย
-โรงงานประเภทที่ 1 และ 2 ห้ามก่อตั้งกิจการในระยะ 50 เมตรจากเขตติดต่อสาธารณะสถาน ได้แก่ โรงเรียน โรงพยาบาล วัด โบราณสถาน และแหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
-โรงงานประเภทที่ 3 ห้ามก่อตั้งกิจการในระยะ 100 เมตรจากเขตติดต่อสาธารณะสถาน และต้องอยู่ในสถานที่และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มีบริเวณเพียงพอ ไม่ก่อให้เกิดอันตราย
เหตุรำคาญ หรือความเสียหายต่อบุคคล หรือทรัพย์สินของผู้อื่น
อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญของการทำโรงงานนั่นก็คือการก่อสร้าง ผู้รับเหมาที่ไว้ใจได้จึงสำคัญที่สุด ในการคัดเลือกนั้น แนะนำว่าให้เลือกผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ในการสร้างโรงงานก่อนเป็นอันดับแรกเพราะการสร้างโรงงานนั้น ไม่ได้มีโครงสร้างเหมือนกับอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป ผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ด้านนี้จึงสามารถทำได้ดีกว่า
แม้ว่าผู้รับเหมาที่รับสร้างโรงงานโดยตรงจะมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างค่อนข้างสูง แต่ก็แลกมาด้วยคุณภาพตามจำนวนเงินที่ได้ลงทุนไป หากลองคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวที่ไม่ต้องมากังวลถึงปัญหาด้านโครงสร้างในอนาคต ไม่ต้องมาตามแก้ปัญหาจุกจิกที่ผู้รับเหมาอาจดำเนินการพลาด ก็นับว่าคุ้มค่าทีเดียว
4. สำรวจเรื่องอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อโรงงาน
เครื่องจักรอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ในระบบการผลิตสินค้าของโรงงาน แต่เครื่องจักรแต่ละชิ้นนั้นมีราคาสูงมาก จึงควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าให้ดีๆ
ก่อนนำมาใช้ในกระบวนการผลิต
5. วางระบบความปลอดภัยในโรงงาน
เป็นที่ทราบกันดีว่าการทำโรงงานนั้นจะเต็มไปด้วยเครื่องจักร และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างอุบัติเหตุจากการทำงาน หรือความผิดพลาดของอุปกรณ์ได้
การวางระบบความปลอดภัยจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องคำนึง
6. คำนวณค่าใช้จ่ายว่าคุ้มหรือไม่
แน่นอนว่าการเริ่มต้นทำแรงงานนั้นมีต้นทุนในการเริ่มต้นค่อนข้างสูง เพราะต้องรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ค่าเครื่องจักร ค่าบำรุงรักษา และค่าระบบรักษาความปลอดภัย จึงต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่าเงินทุนที่คุณมีนั้นเพียงพอต่อการสร้างหรือไม่ รวมถึงผลกระกอบการที่ออกมานั้นคุ้มค่ากับที่ลงทุนแค่ไหน และคืนทุนได้ภายในระยะเวลาเท่าไหร่
7. ธุรกิจของเราจำเป็นต้องมีโรงงานเป็นของตัวเองหรือไม่
หากอ่านมาถึงข้อนี้แล้ว ลองถามตัวเองอีกชัดๆ ว่า ตอนนี้ธุรกิจของคุณจำเป็นต้องมีโรงงานเป็นของตัวเองหรือเปล่า เพราะการทำโรงงานไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องใช้ต้นทุนจำนวนมากหากคุณเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ส่งของวันหนึ่งไม่เกินหลักร้อย ยังไม่มีทีม R&D ผลิตหรือพัฒนาสินค้าประจำธุรกิจ หรืออยากได้เพียงคลังสินค้าเพื่อจัดเก็บเท่านั้น
ติดต่อใช้บริการ


